Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การเลี้ยงและการดูแลหมูในระยะต่างๆ

Posted By Plookpedia | 05 ก.ค. 60
10,898 Views

  Favorite

การเลี้ยงและการดูแลหมูในระยะต่างๆ

      การเลี้ยงหมูจะประสบความสำเร็จถ้าเอาใจใส่เรื่องการเลี้ยงและการดูแลหมูอย่างถูกต้อง แม้ผู้เลี้ยงจะมีหมูพันธุ์ดีก็ตามแต่ถ้าละเลยในสิ่งเหล่านี้แล้วปัญหาต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นได้ เช่น พ่อหมูผสมไม่เก่งผสมติดน้อย แม่หมูคลอดลูกยากลูกหมูป่วยเป็นโรคท้องเสียและมีอัตราการตายสูง เป็นต้น

การเลี้ยงและการดูแลหมูพ่อพันธุ์ 

      หมูตัวผู้ที่จะนำมาใช้ผสมพันธุ์ได้ดีควรมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์มีขนาดและอายุที่พอเหมาะเพื่อให้สามารถผลิตน้ำเชื้อที่มีคุณภาพดีพอเพียง  มีผลทำให้การผสมติดสูงและได้จำนวนลูกมากเป็นปกติแม้ว่าหมูตัวผู้สามารถผลิตอสุจิได้บ้างแล้วเมื่อมีอายุย่างเข้า ๔ เดือนก็ตามแต่จำนวนน้ำเชื้อและอสุจิที่ผลิตได้จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อหมูมีอายุมากขึ้น  ดังนั้นหมูตัวผู้ที่จะนำมาใช้ผสมพันธุ์ควรมีขนาดใหญ่พอเหมาะที่จะผสมกับแม่หมูที่มีขนาดปกติได้  โดยปกติมักใช้ผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุราว ๘ เดือนและมีน้ำหนักประมาณ ๘๐-๙๐ กิโลกรัม สำหรับหมูพ่อพันธุ์ต่างประเทศควรมีน้ำหนักราว ๑๑๕ กิโลกรัม
      การเลี้ยงหมูพ่อพันธุ์ปกติให้อาหารวันละมื้อ พ่อพันธุ์ที่มีน้ำหนักมากเกินไปหรืออ้วนควรให้ออกกำลังบ้างหรือลดอาหารและให้อาหารหยาบมากขึ้น หมูพ่อพันธุ์ถ้าได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากผู้เลี้ยงจะสามารถใช้งานได้หลายปีโดยไม่มีข้อบกพร่องแม้จะใช้ผสมพันธุ์วันละสองครั้งก็ตาม แต่ก็ไม่ควรใช้งานมากเกินไปเพราะการผสมบ่อย ๆ หรือติด ๆ กันจะทำให้จำนวนอสุจิลดน้อยลงและอาจมีอสุจิตัวอ่อนที่ไม่มีคุณภาพเพียงพอ ดังนั้นหลังจากฤดูผสมพันธุ์ควรจะให้ตัวผู้ได้พักผ่อนและออกกำลังกายโดยปล่อยในทุ่งหญ้า

การเลี้ยงและการดูแลหมูแม่พันธุ์ 

      หมูสาวเจริญเติบโตในลักษณะเช่นเดียวกันกับหมูหนุ่ม เมื่อมีอายุมากขึ้นปริมาณของไข่ที่ตกจากรังไข่จะเพิ่มขึ้นทำให้ปริมาณลูกที่คลอดมีจำนวนมากจนกระทั่งแม่หมูมีอายุประมาณ ๑๕ เดือน ปริมาณไข่ที่ตกก็จะคงที่  โดยปกติจะผสมพันธุ์หมูสาวเมื่อมีอายุได้ราว ๗-๘ เดือนหรือน้ำหนักราว ๑๑๐-๑๑๕ กิโลกรัม (สำหรับหมูพันธุ์พื้นเมืองประมาณ ๘๐-๙๐ กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับชนิดของหมูพันธุ์พื้นเมืองด้วย) การผสมพันธุ์แม่หมูที่มีขนาดเล็กหรือมีอายุน้อยอยู่จะทำให้อายุการใช้งานของแม่หมูตัวนั้นสั้นลงและจำนวนลูกที่ได้ก็น้อยด้วยทั้งนี้เนื่องจากการตกไข่จากรังไข่มีน้อย
      การผสมพันธุ์แม่หมูควรกะเวลาให้พอดีกับระยะการตกไข่เพราะจะทำให้ได้ผลดีกว่าการผสมในเวลาอื่น แม่หมูส่วนใหญ่จะกลับเป็นสัดอีกภายใน ๓-๗ วัน หลังการหย่านมแม่หมูแสดงการเป็นสัดนานประมาณ ๔๘-๗๒ ชั่วโมง (หมูสาวนานประมาณ ๓๖-๖๐ ชั่วโมง) การตกไข่เกิดขึ้นประมาณช่วงกลาง ๆ ของการเป็นสัดแต่ไข่จะไม่ตกพร้อมกันทีเดียวทั้งหมด การผสมหมูสาวหรือแม่หมูควรผสมซ้ำหรือผสมครั้งที่สองโดยทิ้งระยะให้ห่างจากครั้งที่หนึ่งประมาณ ๑๒ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย  ปกติการผสมพันธุ์หมูมักทำในตอนเช้าและเย็นเพราะอากาศไม่ร้อนไม่ควรผสมพันธุ์หมูขณะที่ป่วยหรือหลังการฉีดวัคซีนใหม่ ๆ วิธีดังกล่าวนี้จะช่วยให้การผสมพันธุ์ได้ผลดีขึ้นและเพิ่มลูกต่อครอกให้มากขึ้น
ข้อแนะนำระหว่างการผสมพันธุ์หมู คือ ควรให้อาหารแม่หมูและหมูสาวให้มากขึ้นเนื่องด้วยเหตุผลสองประการ คือ 
ประการแรก 
      เนื่องจากแม่หมูผสมพันธุ์ครั้งใหม่หลังการหย่านมในช่วงเวลาสั้นหมูยังอยู่ในสภาพที่ไม่แข็งแรงเพียงพอ 
ประการที่สอง 
      เนื่องจากระหว่างการให้นมแม่หมูส่วนใหญ่สูญเสียน้ำหนักไปมาก การให้อาหารเพิ่มขึ้นจะช่วยให้แม่หมูอยู่ในสภาพที่เหมาะสำหรับการให้นมครั้งต่อไป

 

การผสมพันธุ์ของหมู
การผสมพันธุ์ของหมู

 

การเลี้ยงและการดูแลแม่หมูระหว่างการอุ้มท้อง 

      หมูตัวเมียที่ไม่ได้รับการผสมพันธุ์หรือผสมไม่ได้ผลจะกลับเป็นสัดอีกระหว่างทุก ๆ ๑๘-๒๔ วันหรือโดยเฉลี่ยประมาณ ๒๑ วัน แต่ถ้าผสมได้ผลก็จะไม่กลับเป็นสัดอีกเลยตลอดการอุ้มท้อง  เมื่อหมูตัวเมียได้รับการผสมแล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเพิ่มมากขึ้นอีก การเลี้ยงดูในช่วงนี้ควรปฏิบัติ ดังนี้ 

๑. การจัดคอกสำหรับแม่หมู 

      ระยะที่แม่หมูอุ้มท้องควรแยกมาเลี้ยงในคอกขังเดี่ยวเพราะนอกจากจะควบคุมการให้อาหารได้แล้วยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทกับหมูตัวอื่นซึ่งอาจทำให้แม่หมูแท้งลูกได้

 

การจัดคอกหมูสำหรับแม่หมู
ระยะแม่หมูอุ้มท้องควรแยกเลี้ยงในคอกขังเดี่ยว

 

๒. การให้อาหาร 

      ๒.๑ ช่วงอุ้มท้องระยะต้น ตั้งแต่เริ่มผสมพันธุ์จนถึงอุ้มท้องได้ ๘๔ วัน ในช่วงนี้ไม่จำเป็นต้องให้อาหารมากนักเพราะลูกในท้องเติบโตช้ามากควรให้กินประมาณตัวละ ๑.๕-๑.๘ กิโลกรัมต่อวันก็พอเพียงแล้ว สำหรับหมูพันธุ์พื้นเมืองก็ต้องลดลงตามส่วน 
      ๒.๒ ช่วงอุ้มท้องระยะหลัง (อุ้มท้อง ๘๔-๑๐๔ วัน) ในช่วงนี้ลูกหมูในท้องมีอัตราการเจริญเติบโตสูงมากต้องการอาหารมากจำเป็นต้องเพิ่มอาหารให้แก่แม่หมูเป็นวันละ ๒.๕-๓ กิโลกรัมต่อวัน (ประมาณร้อยละ ๒.๕ ของ น้ำหนักตัว)

๓. ตรวจการตั้งท้อง 

      หลังจากวันผสมพันธุ์ประมาณ ๒๑ วันและ ๔๒ วัน ควรตรวจดูการเป็นสัดของหมูตัวเมีย หากหมูไม่แสดงอาการเป็นสัดก็อาจกล่าวได้ว่าหมูผสมติดและตั้งท้องแต่ถ้าหมูแสดงอาการเป็นสัดอีกก็ให้ผสมพันธุ์หมูตัวนั้นใหม่ หมูตัวใดผสมแล้วยังไม่ตั้งท้องติดต่อกัน ๓ ครั้ง ให้คัดหมูตัวนั้นออกจากฝูงเพื่อจำหน่ายต่อไป

 

เครื่องตรวจการตั้งท้องของหมู
เครื่องตรวจการตั้งท้องของหมู

 

๔. อุณหภูมิ 

      ภายในโรงเรือนควรรักษาอุณหภูมิให้ต่ำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากประเทศเราเป็นประเทศเมืองร้อนและจากผลการวิจัยปรากฏว่าหากให้หมูอยู่ในที่ร้อนอบอ้าวติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้หมูให้ลูกน้อยตัว นอกจากนี้ความต้องการผสมพันธุ์และจำนวนเชื้ออสุจิของพ่อหมูก็ลดลงไปด้วย อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับหมูในช่วงนี้ คือ ระหว่าง ๑๖-๑๙ องศาเซลเซียส

การเลี้ยงดูแม่หมูก่อนคลอด ระหว่างคลอด และระหว่างการให้นม 

      ช่วงระยะก่อนคลอด ระหว่างคลอดและระยะ ๒-๓ วัน ของการให้นมเป็นช่วงที่มีความสำคัญมากช่วงหนึ่งของการเลี้ยงดูหมู ถ้าการเลี้ยงดูในระหว่างช่วงนี้ไม่ดีพอก็จะสูญเสียลูกหมูไปโดยไม่จำเป็น

การเลี้ยงดูแม่หมูก่อนคลอด

ควรปฏิบัติ ดังนี้ 
       ๑. การทำความสะอาดคอกคลอด ควรทำความสะอาดไว้ล่วงหน้าให้เรียบร้อยก่อนที่จะนำแม่หมูเข้าคอกคลอดประมาณหนึ่งสัปดาห์หรือนานกว่านี้ก็ได้  เพื่อลดโอกาสที่โรคและพยาธิจะเกิดขึ้นให้มีได้น้อยที่สุดซึ่งโรคและพยาธินี้จะติดต่อถึงลูกได้มากเนื่องจากลูกหมูพยายามหาทางไปกินนมจากแม่ภายหลังที่คลอดได้ไม่กี่นาทีลูกหมูจึงอาจติดโรคและพยาธิเหล่านี้ได้จากคอกที่สกปรกการทำความสะอาดคอกคลอดจะใช้ผงซักฟอกหรือโซดาไฟล้างก็ได้แล้วใช้น้ำสะอาดล้างให้ทั่วอีกครั้ง  เมื่อคอกแห้งแล้วจึงใช้ยาฆ่าเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่งผสมน้ำเจือจางตามคำแนะนำแล้วพ่นให้ทั่วบริเวณคอก

 

การพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณคอกคลอด
การพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณคอกคลอด

 
      ๒. การถ่ายพยาธิแม่หมูก่อนถึงกำหนดคลอด ๗-๑๔ วัน ควรถ่ายพยาธิแม่หมูโดยเฉพาะหมูที่เลี้ยงแบบปล่อยลงแปลงหรือเลี้ยงในคอกที่มีพื้นเป็นดิน  วิธีการใช้ยาถ่ายพยาธิให้ดูจากฉลากที่ติดมากับยาชนิดนั้น ๆ
      ๓. การทำความสะอาดแม่หมู ปกติทั้งแม่หมูและหมูสาวจะอุ้มท้องนานประมาณ ๑๑๔ วัน เมื่ออุ้มท้องได้ ๑๐๙ วัน ควรย้ายหมูเหล่านั้นไปยังคอกคลอดอาบน้ำด้วยสบู่ใช้แปรงที่มีขนแข็งถูให้ทั่วบริเวณร่างกาย โดยเฉพาะตามพื้นท้อง ลำตัว และบริเวณเต้านม วิธีนี้จะกำจัดไข่พยาธิและสิ่งสกปรกที่ติดมากับตัวหมูออกไป 
      ๔. การให้อาหารและน้ำแม่หมู อาหารที่ให้แม่หมูในช่วงก่อนคลอดนี้ควรจะเป็นอาหารช่วยระบายอย่างอ่อน ๆ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอาการท้องผูกของแม่หมู  ช่วงนี้ผู้เลี้ยงอาจเพิ่มอาหารที่มีเยื่อใยสูงลงในอาหารแม่หมูได้ รำข้าวหรือจะให้หญ้าสด เช่น หญ้าขนก็ได้

 

แม่หมู
วัสดุและอุปกรณ์เพื่อใช้คลอดของแม่หมู
๑. อุปกรณ์ทำคลอด

การดูแลแม่หมูระหว่างคลอด

ควรปฏิบัติดังนี้ 
      ๑. การจัดเตรียมวัดสุรองพื้นสำหรับลูกหมู ควรจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า ก่อนแม่หมูจะคลอดหนึ่งวัน หรือสองวัน วัดสุที่รองพื้นที่ควรจัดเตรียมไว้ ได้แก่ ฟางข้าว หญ้าแห้ง หรือกระสอบที่สะอาดและแห้ง วัสดุรองพื้นช่วยป้องกันขาและเต้านมของลูกหมู ที่เพิ่งคลอด ไม่ให้ได้รับอันตรายจากพื้นคอกที่หยาบ แข็ง และยังช่วยให้ความอบอุ่นแก่ลูกหมูอีกด้วย 

 

การดูแลแม่หมูระหว่างคลอด
วัสดุและอุปกรณ์เพื่อใช้คลอดของแม่หมู
๒. ฟางข้าวให้ความอบอุ่น


      ๒. การจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ในการปฐมพยาบาลลูกหมูที่คลอดออกมา เครื่องมือเครื่องใช้ที่ต้องเตรียมไว้ระหว่างหมูกำลังคลอด มีดังนี้
          ๒.๑ ผ้าแห้งที่สะอาด ๒-๓ ผืน สำหรับเช็ดตัวลูกหมูที่คลอดออกมาใหม่ ๆ 
          ๒.๒ คีม สำหรับตัดเขี้ยวและหางลูกหมู 
          ๒.๓ ด้ายผูกสายสะดือ 
      ๓. การให้อาหารแม่หมู ถ้าเป็นไปได้ช่วงก่อนคลอด ๑๒ ชั่วโมง และหลังคลอดอีก ๑๒ ชั่วโมง ไม่ต้องให้อาหารเลยนอกจากน้ำสะอาดอย่างเดียว 
      ๔. การช่วยเหลือลูกหมูเมื่อคลอดลูกหมูเมื่อคลอดออกมาใหม่ ๆ ควรจะช่วยทำความสะอาดเช็ดร่างกายลูกหมูให้แห้งด้วยผ้าแห้งที่สะอาดเอาเยื่อบาง ๆ ที่ห่อหุ้มตัวลูกหมูออก  โดยเฉพาะเยื่อที่หุ้มส่วนจมูกและปากควรเช็ดและล้วงเสมหะออกจากปากเสียก่อนโดยเร็ว หลังคลอดไม่ควรขังลูกหมูไว้ควรปล่อยให้กินนมได้เลยน้ำนมแม่เมื่อแรกคลอด (colostrum) นี้มีประโยชน์ต่อลูกหมูมากและจะมีอยู่เพียง ๒-๓ วันหลังคลอดเท่านั้น

การเลี้ยงดูแม่หมูระหว่างการให้นม

ควร ปฏิบัติดังนี้ 
      ๑. ควรให้อาหารเดิมแก่แม่หมู (อาหารที่ให้แม่หมูตอนใกล้คลอด) ภายหลังคลอดต่อไปอีก ประมาณ ๓ - ๕ วัน จึงค่อยเปลี่ยนเป็นอาหารสูตรใหม่ 
     ๒. อาหารสูตรใหม่ที่ให้แก่แม่หมูระหว่างการให้น้ำนมควรมีโปรตีนและพลังงานไม่น้อยกว่าในอาหารสำหรับแม่หมูระหว่างการอุ้มท้องทั้งนี้เพื่อช่วยในการผลิตน้ำนม 
     ๓. การให้อาหารควรเริ่มให้แต่น้อย วันถัดไปค่อยเพิ่มจำนวนอาหารที่ให้กินมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เท่าที่แม่หมูจะสามารถกินได้ เช่น แม่หมูมีลูก ๑๐ ตัว อาหารที่ให้แม่หมูกินเต็มที่ประมาณ ๕ กิโลกรัม 
     ๔. การเพิ่มอาหารให้แม่หมูกินเร็วเกินไปอาจทำให้ลูกหมูเกิดขี้ขาวได้ถ้าเกิดกรณีเช่นนี้ผู้เลี้ยงควรลดจำนวนอาหารที่ให้หมูลง

การเลี้ยงและการดูแลลูกหมูหลังคลอดไปจนถึงหย่านม 

      การเลี้ยงและการดูแลลูกหมูตั้งแต่หลังคลอดไปจนถึงหย่านมนับได้ว่าเป็นช่วงที่มีความยุ่งยากมากกว่าช่วงอื่น ๆ เป็นช่วงที่มีการสูญเสียลูกหมูมากที่สุด โดยเฉลี่ยประมาณ ๒ ตัวต่อครอกซึ่งอาจเกิดเนื่องจากถูกแม่ทับตาย ท้องร่วงอย่างแรง อดอาหาร โลหิตจาง และเสียเลือดมากทางสายสะดือเมื่อคลอด อย่างไรก็ตามการสูญเสียลูกหมูในช่วงนี้ส่วนใหญ่เนื่องมาจากการดูแลไม่ดีมากกว่าสาเหตุอื่น ๆ ดังนั้นเพื่อลดการสูญเสียลูกหมูในช่วงนี้ผู้เลี้ยงควรเตรียมการดูแลลูกหมู ดังนี้ 
๑. การให้ความอบอุ่น 
      หมูที่มีอายุต่ำกว่า ๓ วัน กลไกที่ควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกายยังไม่ทำงานจึงไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความผันแปรของอุณหภูมิภายนอกได้  ลูกหมูแรกเกิดที่ถูกความหนาวเย็นมาก ๆ หรือเป็นเวลานาน ๆ อุณหภูมิของร่างกายจะลดลงจะเป็นผลให้ลูกหมูตัวนั้นตายได้

 

การให้ความอบอุ่น
การใช้หลอดไฟในการให้ความอบอุ่นแก่ลูกหมูเกิดใหม่


๒. การป้องกันลมโกรก 
      ไม่ควรปล่อยให้ลูกหมูถูกลมโกรก เช่น ให้ลูกหมูอยู่ในคอกที่โปร่งมากหรือมีพื้นเป็นไม้ระแนงเพราะจะทำให้ลูกหมูเจ็บป่วยได้ง่าย  บริเวณสำหรับลูกหมูแรกคลอดหลับนอนควรมีที่กำบังลมไว้ประมาณ ๓-๔ วัน จะช่วยให้ลูกหมูไม่ถูกลมโกรกมากนัก อย่างไรก็ตามคอกลูกหมูก็ไม่ควรปิดทึบเพราะจะทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวกเวลาคอกเปียกชื้นจะแห้งยากทำให้เกิดเชื้อโรคลูกหมูจะเจ็บป่วยได้ง่ายเช่นกัน 
๓. การรักษาความสะอาดคอก
      คอกที่ใช้เลี้ยงลูกหมูควรทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ พื้นคอกตลอดจนบริเวณที่ลูกหมูนอนควรจะแห้งและสะอาดอยู่เสมอถ้าจำเป็นที่จะต้องล้างทำความสะอาดเนื่องจากคอกสกปรกควรขังลูกหมูเอาไว้ก่อนอย่าปล่อยออกมาให้ตัวเปียกน้ำลูกหมูอาจจะหนาวสั่นและเจ็บป่วยได้ เมื่อเห็นว่าคอกแห้งพอสมควรดีแล้วจึงปล่อยลูกหมูตามเดิม 
๔. การตัดสายสะดือ 
      ก่อนอื่นควรมัดสายสะดือเพื่อป้องกันเลือดออกหลังตัด ควรตัดให้เหลือสายสะดือยาวประมาณ ๓-๔ เซนติเมตร เมื่อลูกหมูยืนขึ้นสายสะดือจะได้ไม่ติดพื้นคอกจากนั้นเช็ดแผลที่ตัดแล้วด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน สายสะดือเป็นส่วนสำคัญที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ตัวลูกหมูได้ การเจ็บป่วย เช่น ลูกหมูขาเจ็บหรือตายอาจจะมาจากการละเลยการปฏิบัติดังกล่าว 

 

การตัดสายสะดือ
ใช้ยาฆ่าเชื้อเช็ดสายสะดือที่ตัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ


๕. การตัดฟันและการตัดหาง 
ควรตัดภายหลังที่ลูกหมูคลอดได้ไม่เกิน ๒๔ ชั่วโมง การตัดฟันและหางนี้ควรทำพร้อมกันทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการจับต้องลูกหมูหลาย ๆ ครั้ง 

  • การตัดฟันลูกหมูแรกคลอดมีฟันที่แหลมคมอยู่ ๔ คู่ ๒ คู่อยู่ที่ขากรรไกรบน อีก ๒ คู่อยู่ที่ขากรรไกรล่าง ฟัน ๔ คู่นี้ไม่มีประโยชนต่อลูกหมู แต่จะทำให้ระคายเคืองต่อเต้านมแม่ขณะที่ลูกหมูดูดนม จึงควรตัดให้เรียบสั้นหลังคลอด  การตัดต้องระมัดระวังอย่าให้ฐานของฟันเสียหรือเหลือรอยขรุขระแหลมคมไว้หรือเป็นสาเหตุที่เป็นอันตรายต่อเหงือก (การตัดฟันลูกหมู โดยไม่ระมัดระวังก็จะทำให้เหงือกได้รับอันตรายจากเครื่องมือที่ใช้ได้ เช่น ไปตัดโดนเหงือก เครื่องมือที่ใช้ตัดฟันถ้าไม่คมก็จะตัดฟันได้ไม่เรียบ ฐานฟันอาจเสียและทำให้เหงือกได้รับอันตรายบางครั้งก็เหลือรอยขรุขระแหลมคมไว้เหมือนขวดแก้วแตก ฟันเช่นนี้เมื่อไปกัดหัวนมแม่จะคมยิ่งกว่าฟันธรรมดาที่ไม่ได้ถูกตัด)
  • การตัดหางปัญหาเรื่องลูกหมูกัดหางกันมักจะเนื่องมาจากการเลี้ยงหมูแบบขังคอกและเลี้ยงไว้คอกละจำนวนมาก  ผู้เลี้ยงอาจจะตัดหางลูกหมูทิ้งเสียตั้งแต่ยังเล็กก็ได้ ควรตัดให้เหลือเพียง ๑/๔ นิ้ว ไม่ควรทำกับหมูที่โตแล้วในกรณีที่เกิดปัญหาการกัดหางกันก็สามารถแก้ไขได้โดยการผูกโซ่หรือยางห้อยไว้ในคอกเพื่อให้หมูได้กัดเล่น 

 

การตัดฟันและการตัดหาง
การตัดหางลูกหมูแรกคลอดเพื่อป้องกันการกัดกัน

 

๖. การป้องกันโรคโลหิตจาง 
      โรคโลหิตจางในลูกหมูมักเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก ทั้งนี้เพราะลูกหมูมีความต้องการธาตุเหล็กมากเกินกว่าที่ได้รับจากน้ำนมแม่เนื่องจากลูกหมูมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วและธาตุเหล็กที่เก็บสำรองในตัวลูกหมูที่เกิดใหม่มีอยู่จำนวนน้อยเพื่อป้องกันโรคนี้ผู้เลี้ยงควรฉีดธาตุเหล็กให้ลูกหมูประมาณ ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อลูกหมูอายุได้ ๓ วัน ครั้งถัดไปเมื่อลูกหมูมีอายุได้ ๒-๓ สัปดาห์ 

 

การป้องกันโรคโลหิตจาง
การฉีดธาตุเหล็กให้ลูกหมูเพื่อป้องกันโรคโลหิตจาง


๗. การตอนลูกหมูตัวผู้ 
      ลูกหมูตัวผู้ที่ไม่เก็บไว้ทำพันธุ์จะตอนเมื่ออายุเท่าใดก็ได้แต่ที่เหมาะ คือ เมื่ออายุได้ ๒ หรือ ๓ สัปดาห์ ในช่วงนี้อันตรายจากการตอนมีน้อยกว่าช่วงที่ลูกหมูโตแล้วเพราะจับลูกหมูได้ง่ายกว่าและแผลก็จะหายเร็วกว่าด้วย
๘. การหัดให้กินอาหารแห้ง 
      ก่อนลูกหมูหย่านมอย่างสมบูรณ์เมื่อลูกหมูมีอายุได้ ๑ หรือ ๒ สัปดาห์ ควรหัดให้กินอาหารบ้างลูกหมูที่เคยหัดให้กินอาหารตั้งแต่เล็ก โดยทั่วไปเมื่อหย่านมจะเรียนรู้การกินอาหารได้เร็วกว่าพวกที่ไม่เคยหัดเลย

การเลี้ยงดูลูกหมูหลังหย่านม 

      การหย่านมลูกหมูจะเร็วหรือช้านั้นนอกจากจะขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของลูกหมูแล้วยังขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เลี้ยงและคุณภาพของอาหารที่ใช้เลี้ยงลูกหมูด้วย  ผู้เลี้ยงหมูในบ้านเรานิยมหย่านมลูกหมูที่มีอายุระหว่าง ๓-๖ สัปดาห์ ลูกหมูที่หย่านมเมื่ออายุยังน้อยหรือน้ำหนักตัวน้อยมักจะอ่อนแอและถ้าการเลี้ยงดูไม่ดีพออาจทำให้ลูกหมูแคระแกร็นหรืออาจถึงตายได้  การเลี้ยงดูลูกหมูในระยะนี้จึงควรปฏิบัติดังนี้
๑. การหย่านมลูกหมู 
      ให้ถือน้ำหนักเป็นเกณฑ์ ลูกหมูควรมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า ๕ กิโลกรัมเมื่อหย่านมและไม่ควรขังลูกหมูที่มีขนาดและน้ำหนักไล่เลี่ยกันเกินกว่า ๒๐ ตัวไว้ในคอกเดียวกัน (ขึ้นอยู่กับขนาดของคอกด้วย) เนื่องจากคอกจะสกปรกมากและบางตัวก็กินอาหารไม่ทันตัวอื่น ๆ 
๒. การรักษาความสะอาด 
      เนื่องจากลูกหมูในช่วงนี้เป็นโรคได้ง่ายความสะอาดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรระวังให้มาก รางอาหาร รางน้ำ ตลอดจนคอกหมูต้องสะอาดอยู่เสมอ พื้นคอกไม่ควรปล่อยให้เปียกแฉะ ดังนั้นคอกต้องมีการถ่ายเทอากาศได้ดีแต่ต้องไม่โกรกตัวลูกหมูมากนัก 
๓. การให้อาหารและน้ำ 
      ควรให้อาหารลูกหมูบ่อย ๆ ครั้งละน้อย ๆ จะช่วยให้ลูกหมูกินอาหารได้มากขึ้น อาหารที่เปียกเหม็นอับควรทิ้งไป น้ำสะอาดต้องมีให้ลูกหมูได้กินตลอดเวลา การขาดน้ำจะทำให้ลูกหมูกินอาหารน้อยลงหรือไม่กินอาหารเลย 
๔. การถ่ายพยาธิ 
      หลังจากลูกหมูหย่านมได้ราว ๒-๓ สัปดาห์ ควรให้ลูกหมูกินยาถ่ายพยาธิ ลูกหมูที่พบว่ามีพยาธิควรถ่ายซ้ำอีกครั้ง
๕. การฉีดวัคซีน 
      หลังจากที่ลูกหมูหย่านมแล้ว ราว ๓-๔ สัปดาห์ขึ้นไป ผู้เลี้ยงสามารถฉีดวัคซีนให้กับลูกหมูได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของลูกหมูและควรฉีดวัคซีนกับลูกหมูที่สมบูรณ์เท่านั้นลูกหมูหลังฉีดวัคซีนแล้วอาจมีอาการไข้ได้จึงไม่ควรเอาน้ำรดตัวลูกหมู  การตอนไม่ควรทำในช่วงเดียวกับการฉีดวัคซีนควรตอนก่อนการฉีดวัคซีนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๑๐ วัน หรือหลังการฉีดวัคซีนประมาณสัก ๑ เดือน

 

วัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์หมู
วัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์หมู

 

การเลี้ยงและการดูแลหมูรุ่นและขุนส่งตลาด 

      การเลี้ยงดูหมูระยะนี้มีความยุ่งยากน้อยกว่าการเลี้ยงดูหมูระยะที่ยังไม่หย่านมหลังจากหย่านมใหม่ ๆ หมูในช่วงนี้จะเจริญเติบโตดีทั้งหมูที่เลี้ยงอยู่ในทุ่งและบนคอกคอนกรีตที่มีการสุขาภิบาล การควบคุมโรคและพยาธิตลอดจนการให้อาหารที่ถูกต้อง การเลี้ยงและการจัดการดูแลหมูระยะนี้ควรปฏิบัติ ดังนี้
๑. การจัดคอกเลี้ยง 
      ๑.๑ การจัดคอกสำหรับหมูขุนขาย ควรจัดเอาหมูที่มีขนาดและเพศเดียวกันขังเลี้ยงไว้ในคอกเดียวกันเพื่อช่วยให้หมูเติบโตมีขนาดไล่เลี่ยกันและไม่เกิดปัญหาแย่งอาการกันกินขึ้นในภายหลัง เนื่องจากการเจริญเติบโตไม่เท่ากันของหมูเพศผู้และเพศเมีย  หมูเพศผู้ที่ตอนมักเจริญเติบโตเร็วกว่าหมูเพศเมียแต่หมูเพศเมียมีแนวโน้มการใช้อาหารที่มีโปรตีนสูงได้ดีกว่าและยังให้เนื้อแดงและมีลำตัวยาวกว่าหมูเพศผู้ที่ตอนด้วย 
      ๑.๒ การจัดคอกสำหรับหมูพันธุ์ หมูที่จะเลี้ยงไว้เป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ในช่วงแรกไม่ควรเลี้ยงแยกเพศกันอย่างเด็ดขาด กล่าวกันว่าการเป็นหนุ่มเป็นสาวช้าการไม่แสดงการเป็นสัดของหมูตัวเมียและการไม่ยอมผสมพันธุ์ของหมูตัวผู้นั้นเป็นผลจากการมีประสบการณ์ก่อนเป็นหนุ่มเป็นสาวไม่เพียงพอ  พ่อหมูสามารถเรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้ได้ดีที่สุดในช่วงอายุระหว่าง ๔-๘ เดือน เมื่อหมูเริ่มผสมพันธุ์ได้ควรแยกออกมาเลี้ยงขังเดี่ยวและจำกัดอาหารไปจนกระทั่งหมูมีน้ำหนัก ๑๑๕ กิโลกรัม ทั้งตัวผู้และตัวเมีย

 

การเลี้ยงหมูขุนบนคอกคอนกรีต
การเลี้ยงหมูขุนบนคอกคอนกรีต


๒. การจัดเตรียมรางอาหาร 
      ควรจัดให้มีเพียงพอกับจำนวนหมู รางอาหารชนิดอัตโนมัติ ช่องอาหารช่องหนึ่ง ๆ ควรจัดไว้สำหรับหมูไม่เกิน ๓-๔ ตัว มิฉะนั้นจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของหมู 
๓. การจัดเตรียมน้ำดื่ม 
      ควรมีน้ำดื่มสะอาดไว้ในที่ที่เหมาะสมไม่ควรจัดไว้ในที่ที่หมูตัวอื่นกีดขวางได้ง่าย ปกติหมูตัวหนึ่งจะกินน้ำประมาณสองเท่าของน้ำหนักของอาหารที่กินเข้าไป 
๔. อุณหภูมิ 
      อุณหภูมิที่เหมาะจะช่วยให้การเจริญเติบโตและประสิทธิภาพการใช้อาหารของหมูดีขึ้น คือ อุณหภูมิประมาณ ๒๑ องศาเซลเซียส หากอากาศร้อนเกินไปหมูจะกินอาหารน้อยลงและเติบโตช้า 
๕. การถ่ายเทอากาศ 
      อากาศภายในคอกควรมีการถ่ายเทหรือระบายได้ดี  โรงเรือนที่อับอากาศจะเกิดก๊าซพิษสะสมซึ่งมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของหมูและก่อให้เกิดสิ่งผิดปกติกับหมูได้ เช่น เกิดมีการกัดหางกันขึ้น เป็นต้น

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow